ทำไมห้องประชุมไม่เก็บเสียง 5 สาเหตุและวิธีแก้ไขอย่างมืออาชีพ

ห้องประชุมไม่เก็บเสียง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในอาคารสำนักงานสมัยใหม่ โดยเฉพาะในอาคารที่มีการออกแบบเน้นความโปร่งโล่งและความสวยงาม แต่อาจละเลยเรื่องอะคูสติก สิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการประชุม ความเป็นส่วนตัว และภาพลักษณ์ขององค์กร การเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง และวิธีการแก้ไขจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ บทความนี้จะวิเคราะห์สาเหตุสำคัญ 5 ประการที่ทำให้ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง พร้อมนำเสนอวิธีแก้ไขอย่างมืออาชีพที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของห้องประชุมให้ดีขึ้น

 

สาเหตุที่ 1: การออกแบบห้องประชุมที่ไม่คำนึงถึงอะคูสติก

ปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง มักเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เมื่อสถาปนิกหรือมัณฑนากรให้ความสำคัญกับความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยมากกว่าคุณสมบัติทางอะคูสติก การออกแบบที่เน้นความทันสมัยด้วยกระจกขนาดใหญ่ ผนังบาง และพื้นที่โล่งมักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง

 

การออกแบบห้องประชุมที่ไม่คำนึงถึงหลักการทางอะคูสติกมักมีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น การใช้วัสดุแข็งที่สะท้อนเสียงในทุกด้านของห้อง การออกแบบให้มีเพดานสูงโดยไม่มีวัสดุดูดซับเสียง หรือการวางตำแหน่งห้องประชุมติดกับพื้นที่ที่มีเสียงดัง เช่น โถงลิฟต์ ห้องครัว หรือทางเดินหลัก

 

การวางแผนผังห้องที่ไม่เหมาะสมยังส่งผลต่อคุณภาพเสียงภายในห้องประชุม เช่น การออกแบบห้องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาว ทำให้เสียงสะท้อนไปมาระหว่างผนังขนาน ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “flutter echo” หรือเสียงสะท้อนแบบกระพือ ซึ่งทำให้การฟังเสียงพูดไม่ชัดเจน

 

วิธีแก้ไขปัญหาการออกแบบห้องประชุมที่ไม่คำนึงถึงอะคูสติก

การแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง ที่เกิดจากการออกแบบที่ไม่เหมาะสมสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  1. การปรับปรุงอะคูสติกแบบย้อนหลัง (Retrofit): ถึงแม้ห้องประชุมจะถูกออกแบบมาแล้ว แต่ยังสามารถปรับปรุงคุณสมบัติทางอะคูสติกได้ด้วยการติดตั้ง วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม เพิ่มเติม เช่น ติดแผ่นกันเสียงที่ผนัง ด้วยวัสดุที่มีความสามารถในการกันเสียงดังทะลุเข้าออก เช่น แผ่นกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblock ซึ่งมีความสามารถในการกันเสียงดังทะลุเข้าออกได้ดี ทำมาจากฉนวนใยแก้ว ใช้งานร่วมกับระบบผนังได้ทุกรูปแบบ
    แผ่นกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblock
    ตัวช่วยแก้ไขปัญหาห้องประชุมไม่เก็บเสียง
  2. การวางแผนการใช้พื้นที่ใหม่: ในบางกรณี การเปลี่ยนตำแหน่งโต๊ะประชุม อุปกรณ์นำเสนอ หรือที่นั่งผู้เข้าร่วมประชุมสามารถช่วยลดปัญหาเสียงสะท้อนได้ การวางตำแหน่งลำโพงและไมโครโฟนให้เหมาะสมก็มีส่วนช่วยอย่างมาก
  3. การเพิ่มวัสดุที่มีคุณสมบัติดูดซับเสียง: การนำเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยดูดซับเสียงเข้ามาใช้ในห้องประชุม เช่น โซฟาบุนวม พรมหนา ผ้าม่านหนา หรือชั้นวางหนังสือ สามารถช่วยลดเสียงสะท้อนและปรับปรุงอะคูสติกได้โดยไม่ต้องทำการปรับปรุงโครงสร้างใหญ่
  4. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอะคูสติก: ในกรณีที่ปัญหารุนแรง ควรปรึกษาวิศวกรด้านเสียงหรือผู้เชี่ยวชาญด้าน อะคูสติกห้องประชุม เพื่อทำการประเมินและเสนอแนะวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมที่สุดสำหรับห้องนั้น ๆ

 

ในการออกแบบห้องประชุมใหม่ ควรให้ความสำคัญกับอะคูสติกตั้งแต่เริ่มต้น โดยคำนึงถึงรูปทรงของห้อง สัดส่วนความกว้าง-ยาว-สูง การเลือกใช้วัสดุที่มีค่าสัมประสิทธิ์การดูดซับเสียง (Sound Absorption Coefficient) ที่เหมาะสม และการวางตำแหน่งอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์อย่างเหมาะสม การลงทุนในการออกแบบที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในอนาคต

 

สาเหตุที่ 2: วัสดุก่อสร้างและฉนวนที่ไม่เพียงพอ

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง คือการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่เหมาะสมและมีฉนวนกันเสียงไม่เพียงพอ วัสดุก่อสร้างมีผลอย่างมากต่อคุณสมบัติในการกั้นเสียงและลดการส่งผ่านของเสียงระหว่างห้อง

 

เมื่อผนังห้องประชุมสร้างจากวัสดุที่บางเกินไป หรือไม่มีฉนวนกันเสียงที่เพียงพอ เสียงจากภายในห้องจะสามารถทะลุผ่านออกไปได้ง่าย และเสียงจากภายนอกก็สามารถแทรกเข้ามารบกวนการประชุมได้เช่นกัน การใช้ผนังเบา เช่น ผนังยิปซัมบอร์ดชั้นเดียวโดยไม่มีฉนวนข้างในเป็นสาเหตุทั่วไปของปัญหานี้

 

นอกจากนี้ ช่องว่างและรอยรั่วตามผนัง เพดาน และพื้นยังเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เสียงรั่วไหลได้ แม้เป็นช่องเล็ก ๆ เช่น ช่องเดินสายไฟ ช่องแอร์ หรือช่องที่เกิดจากการติดตั้งที่ไม่สนิท ก็สามารถลดประสิทธิภาพการกันเสียงของผนังลงได้อย่างมาก

 

วิธีแก้ไขปัญหาวัสดุก่อสร้างและฉนวนที่ไม่เพียงพอ

การแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง ที่เกิดจากวัสดุก่อสร้างและฉนวนที่ไม่เพียงพอสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  1. การปรับปรุงผนังด้วยระบบผนังซ้อน (Double wall system): การติดตั้งผนังยิปซัมบอร์ดเพิ่มอีกชั้นโดยมีช่องว่างระหว่างผนังเดิมและผนังใหม่ และเติมฉนวนใยแก้วหรือใยหินลงในช่องว่างนั้น สามารถเพิ่มค่าการลดทอนเสียง (Sound Transmission Class หรือ STC) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การใช้ วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม คุณภาพสูง: ปัจจุบันมี วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม หลากหลายประเภทที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่น:
    • แผ่นยิปซัมบอร์ดชนิดพิเศษที่มีความหนาแน่นสูง
    • แผ่นใยแร่อัดความหนาแน่นสูง (High-density mineral wool)
    • แผ่นโฟมอะคูสติก (Acoustic foam)
    • แผ่นกันเสียงที่มีมวลเพิ่ม (Mass loaded vinyl)
    • วัสดุคอมโพสิตที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการกันเสียง
  3. การอุดรอยรั่วและช่องว่าง: ตรวจสอบและอุดรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ เช่น:
    • รอยต่อระหว่างผนังกับเพดาน
    • ช่องเดินสายไฟและท่อต่าง ๆ
    • ช่องแอร์และช่องระบายอากาศ
    • รอยต่อประตูและหน้าต่าง

โดยใช้วัสดุอุดซีลชนิดยืดหยุ่นที่ออกแบบมาเพื่อ การแก้ปัญหาเสียงรบกวน โดยเฉพาะ

  1. การปรับปรุงประตูและหน้าต่าง: ประตูและหน้าต่างมักเป็นจุดอ่อนในการกันเสียง การปรับปรุงโดย:
    • เปลี่ยนเป็นประตูหนาพิเศษที่ออกแบบเพื่อกันเสียง
    • ติดตั้งซีลยางรอบประตูและหน้าต่างให้ปิดสนิท
    • ใช้กระจกหน้าต่างแบบลามิเนตหลายชั้นหรือกระจกฉนวนสองชั้น (Double glazing)
    • ติดตั้งม่านอะคูสติกหรือม่านหนาพิเศษ
  2. การเพิ่มมวล (Mass) ให้กับโครงสร้าง: หลักการพื้นฐานในการกันเสียงคือ ยิ่งวัสดุมีมวลมาก ยิ่งกันเสียงได้ดี การเพิ่มความหนาหรือความหนาแน่นของผนังสามารถช่วยลดการส่งผ่านของเสียงได้ เช่น การบุผนังด้วยแผ่นยิปซัมหนาพิเศษหรือแผ่นซีเมนต์บอร์ด

 

การปรับปรุงวัสดุก่อสร้างและฉนวนอาจต้องใช้งบประมาณสูง แต่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากเป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง โดยตรง หากเป็นไปได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน อะคูสติกห้องประชุม เพื่อเลือกวัสดุและวิธีการที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของห้องประชุมนั้น ๆ

 

สาเหตุที่ 3: ระบบเพดานและพื้นที่ขาดคุณสมบัติในการควบคุมเสียง

เพดานและพื้นเป็นพื้นที่สำคัญอีกสองส่วนที่มีผลต่อคุณภาพเสียงในห้องประชุม ห้องประชุมไม่เก็บเสียง มักมีปัญหาที่เกิดจากเพดานและพื้นที่ไม่ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติในการควบคุมเสียงอย่างเหมาะสม

 

เพดานที่เป็นพื้นผิวแข็งและเรียบ เช่น เพดานปูนเปลือยหรือเพดานยิปซัมบอร์ดธรรมดา จะสะท้อนเสียงมากกว่าดูดซับเสียง ทำให้เกิดเสียงก้องและเสียงสะท้อนภายในห้อง เพดานที่สูงเกินไปยิ่งทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น เนื่องจากเสียงมีพื้นที่และเวลาในการเดินทางมากขึ้น ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เสียงก้อง (Reverberation) ที่ยาวนานขึ้น

 

ในขณะเดียวกัน พื้นแข็งประเภทหินขัด กระเบื้อง หรือไม้เคลือบเงาก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง เนื่องจากพื้นประเภทนี้สะท้อนเสียงได้ดีและยังส่งผ่านเสียงกระแทก (Impact noise) ไปยังชั้นล่างได้ง่าย เช่น เสียงเลื่อนเก้าอี้ เสียงเดิน หรือเสียงวางสิ่งของ

 

วิธีแก้ไขปัญหาระบบเพดานและพื้นที่ขาดคุณสมบัติในการควบคุมเสียง

การปรับปรุงเพดานและพื้นสามารถช่วยแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. การปรับปรุงเพดาน:
    • ติดตั้งแผ่นเพดานอะคูสติก: แผ่นเพดานที่มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง เช่น แผ่นไฟเบอร์ แผ่นใยแร่ หรือแผ่นโฟมอะคูสติก สามารถลดเสียงสะท้อนได้อย่างมาก แผ่นเพดานเหล่านี้มักมีค่าสัมประสิทธิ์การดูดซับเสียง (Noise Reduction Coefficient หรือ NRC) ระบุไว้ ยิ่งค่า NRC สูง ยิ่งดูดซับเสียงได้ดี
    • ติดตั้งแผงดูดซับเสียงแบบแขวน (Acoustic baffles): ในกรณีที่เพดานสูงมาก การติดตั้งแผงดูดซับเสียงแบบแขวนในแนวดิ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ผิวในการดูดซับเสียงได้มากขึ้น
    • เพดานแบบกระจายเสียง (Diffusive ceiling): เพดานที่มีพื้นผิวไม่เรียบ มีลวดลายนูนหรือเว้า สามารถช่วยกระจายเสียงและลดการเกิดเสียงสะท้อนแบบตรง ๆ ได้
  2. การปรับปรุงพื้น ทำได้โดย
    • ปูพรม: พรมเป็นหนึ่งใน วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม ที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่แพงสำหรับพื้น พรมช่วยดูดซับเสียงความถี่สูงและลดเสียงกระแทกได้ดี พรมที่มีขนหนาและมีแผ่นรองพรมจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
    • ใช้ระบบพื้นลอย (Raised floor): การติดตั้งระบบพื้นลอยที่มีวัสดุดูดซับเสียงหรือฉนวนกันเสียงอยู่ด้านล่างสามารถลดการส่งผ่านเสียงไปยังชั้นอื่นได้
    • แผ่นรองพื้นลดเสียง (Acoustic underlay): สำหรับพื้นไม้หรือลามิเนต การใช้แผ่นรองพื้นชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงกระแทกสามารถช่วยปรับปรุงคุณสมบัติการกันเสียงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนวัสดุพื้นผิว
  3. การใช้พรมดักเสียง (Acoustic rugs): ในกรณีที่ไม่สามารถเปลี่ยนพื้นได้ การใช้พรมขนาดใหญ่หรือพรมที่ออกแบบมาเพื่อดักเสียงโดยเฉพาะสามารถช่วยปรับปรุงอะคูสติกได้บางส่วน โดยเฉพาะเมื่อวางไว้ใต้โต๊ะประชุมและบริเวณที่มีการเดินมาก
  4. ระบบพื้นดูดซับเสียง (Sound-absorbing flooring): ปัจจุบันมีวัสดุปูพื้นหลายชนิดที่ออกแบบมาให้มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง เช่น กระเบื้องยางอะคูสติก ไวนิลอะคูสติก หรือพื้นลามิเนตที่มีแผ่นรองเสียงในตัว

 

การปรับปรุงทั้งเพดานและพื้นพร้อมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดใน การแก้ปัญหาเสียงรบกวน เนื่องจากเป็นการจัดการกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องที่มีผลต่อการสะท้อนของเสียง การลงทุนในวัสดุคุณภาพดีสำหรับพื้นและเพดานจะช่วยปรับปรุง อะคูสติกห้องประชุม ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

สาเหตุที่ 4: ประตูและหน้าต่างที่มีช่องรั่วหรือไม่ได้มาตรฐานการกันเสียง

ประตูและหน้าต่างเป็นจุดอ่อนสำคัญที่มักถูกมองข้ามเมื่อพูดถึงปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง แม้ว่าผนังจะมีคุณสมบัติในการกันเสียงที่ดี แต่หากประตูและหน้าต่างไม่ได้รับการออกแบบและติดตั้งอย่างเหมาะสม เสียงก็ยังสามารถรั่วไหลผ่านช่องเหล่านี้ได้

 

ประตูทั่วไปที่ใช้ในสำนักงานมักเป็นประตูกลวงที่มีความหนาและมวลน้อย ทำให้กันเสียงได้ไม่ดี นอกจากนี้ ช่องว่างรอบประตู โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างขอบล่างของประตูกับพื้น (Door sweep) มักเป็นช่องทางให้เสียงรั่วไหลได้มาก หน้าต่างที่ใช้กระจกชั้นเดียวหรือมีขอบยางที่เสื่อมสภาพก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง

 

ปัญหาเพิ่มเติมที่พบได้บ่อยคือการใช้ประตูบานเลื่อนหรือประตูแบบพับที่มักปิดไม่สนิทและไม่สามารถติดตั้งซีลยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประตูกระจกที่นิยมใช้ในอาคารสำนักงานสมัยใหม่เพื่อความสวยงามและโปร่งโล่งก็มักมีความสามารถในการกันเสียงที่ต่ำ

 

วิธีแก้ไขปัญหาประตูและหน้าต่างที่มีช่องรั่วหรือไม่ได้มาตรฐานการกันเสียง

การปรับปรุงประตูและหน้าต่างเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง โดยสามารถทำได้ดังนี้

  1. การปรับปรุงประตู:
    • เปลี่ยนเป็นประตูทึบเสียง: ประตูที่ออกแบบมาเพื่อการกันเสียงโดยเฉพาะจะมีโครงสร้างภายในที่แน่น มีมวลมาก และอาจมีวัสดุดูดซับเสียงอยู่ภายใน ประตูเหล่านี้มักมีค่า STC (Sound Transmission Class) ที่สูงกว่าประตูทั่วไปมาก
    • ติดตั้งซีลขอบประตู: การติดตั้งซีลยางรอบขอบประตูทั้งสี่ด้านสามารถลดการรั่วไหลของเสียงได้อย่างมาก โดยเฉพาะการติดตั้ง:
      • ซีลประตูแบบแม่เหล็กที่สามารถปิดได้สนิทกว่าซีลยางธรรมดา
      • ซีลขอบล่างประตูอัตโนมัติ (Automatic door bottom) ที่จะลดลงมาเมื่อประตูปิดเพื่อปิดช่องว่างระหว่างประตูกับพื้น
      • วัสดุซีลขอบประตูคุณภาพสูงที่ทนต่อการใช้งานและคงคุณสมบัติในการกันเสียงได้ยาวนาน
    • ติดตั้งระบบประตูคู่ (Double door system): ในกรณีที่ต้องการประสิทธิภาพในการกันเสียงสูง การติดตั้งระบบประตูคู่หรือประตูแบบแอร์ล็อค (Air lock) ที่มีห้องกันเสียงขนาดเล็กคั่นกลาง จะช่วยกันเสียงได้ดีกว่าประตูเดี่ยวมาก
    • ปรับปรุงอุปกรณ์ประตู: การใช้บานพับคุณภาพสูง กลอนประตูที่ดึงประตูให้ปิดสนิท และกลไกปิดประตูอัตโนมัติ (Door closer) จะช่วยให้ประตูปิดสนิททุกครั้ง ลดโอกาสที่เสียงจะรั่วไหล
  2. การปรับปรุงหน้าต่าง:
    • ติดตั้งกระจกหน้าต่างแบบกันเสียง: กระจกลามิเนต (Laminated glass) หรือกระจกสองชั้น (Double glazing) ที่มีช่องว่างอากาศระหว่างกระจกสามารถกันเสียงได้ดีกว่ากระจกชั้นเดียวมาก ยิ่งระยะห่างระหว่างกระจกมากและมีก๊าซพิเศษอย่างอาร์กอนบรรจุระหว่างชั้นกระจก ยิ่งกันเสียงได้ดี
    • เปลี่ยนซีลขอบหน้าต่าง: ซีลเก่าที่แข็งหรือเสื่อมสภาพควรได้รับการเปลี่ยนใหม่ด้วย วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม ประเภทซีลขอบหน้าต่างที่มีความยืดหยุ่นสูงและทนทาน
    • ติดฟิล์มกันเสียงที่กระจก: ฟิล์มกันเสียงพิเศษสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกันเสียงของกระจกที่มีอยู่แล้วได้บางส่วน แม้ไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเปลี่ยนกระจกทั้งหมด แต่เป็นทางเลือกที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
    • ติดม่านอะคูสติก: ม่านที่ออกแบบมาเพื่อดูดซับเสียงโดยเฉพาะสามารถช่วยลดเสียงที่สะท้อนภายในห้องและลดเสียงที่ทะลุผ่านหน้าต่างได้บางส่วน ม่านอะคูสติกมักมีความหนาพิเศษ มีหลายชั้น และทำจากวัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง

 

ประตูกันเสียง และ หน้าต่างกันเสียง SCG

การปรับปรุงทั้งประตูและหน้าต่างพร้อมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดใน การแก้ปัญหาเสียงรบกวน เนื่องจากเป็นการอุดช่องทางรั่วไหลของเสียงที่สำคัญ การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การทำให้ประตูปิดสนิท การตรวจสอบและซ่อมแซมซีลที่เสื่อมสภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยรักษาประสิทธิภาพของระบบกันเสียงได้ในระยะยาว

 

สาเหตุที่ 5: ตำแหน่งที่ตั้งและสภาพแวดล้อมโดยรอบ

ตำแหน่งที่ตั้งของ ห้องประชุมไม่เก็บเสียง และสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพเสียงภายในห้อง ห้องประชุมที่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดเสียงดัง เช่น ลิฟต์ ห้องเครื่อง ทางเดินหลัก โถงอาหาร หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น มักประสบปัญหาเสียงรบกวนจากภายนอกมากกว่าห้องที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เงียบสงบ

 

นอกจากนี้ ห้องประชุมที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าที่มีระบบเสียงรบกวนทางโครงสร้าง (Structure-borne noise) สูง เช่น เสียงจากระบบท่อน้ำ ระบบปรับอากาศ หรือระบบเครื่องกล ก็มักมีปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง มากกว่า การออกแบบอาคารที่ไม่ได้คำนึงถึงการแยกพื้นที่ตามระดับความดังของเสียง (Acoustic zoning) ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง

 

ปัญหาการสั่นสะเทือนจากภายนอกที่ส่งผ่านโครงสร้างอาคารเข้ามายังห้องประชุมก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนได้ เช่น การสั่นสะเทือนจากการจราจร จากการก่อสร้าง หรือจากเครื่องจักรภายในอาคาร

 

วิธีแก้ไขปัญหาตำแหน่งที่ตั้งและสภาพแวดล้อมโดยรอบ

การแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง ที่เกิดจากตำแหน่งที่ตั้งและสภาพแวดล้อมโดยรอบสามารถทำได้ดังนี้

  1. การย้ายตำแหน่งห้องประชุม: หากเป็นไปได้ การย้ายห้องประชุมไปยังพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนน้อยกว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด แต่อาจทำได้ยากในอาคารที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่
  2. การสร้างพื้นที่กันชน (Buffer zones): การจัดให้มีพื้นที่กันชน เช่น ห้องเก็บของ ห้องทำงานส่วนตัว หรือโถงทางเดินระหว่างห้องประชุมกับแหล่งกำเนิดเสียงดัง สามารถช่วยลดระดับเสียงที่เข้ามารบกวนได้
  3. การปรับปรุงการกันเสียงในแนวลึก:
    • การเพิ่มชั้นวัสดุกันเสียงเพิ่มเติม: การเพิ่มชั้นของ วัสดุกันเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม ในด้านที่ติดกับแหล่งกำเนิดเสียงดัง เช่น การสร้างผนังเสริมหรือการเพิ่มความหนาของผนังเดิม
    • การใช้ระบบผนังลอย (Floating wall): การสร้างผนังแบบลอยที่ไม่ยึดติดกับโครงสร้างหลักของอาคารสามารถป้องกันการส่งผ่านของเสียงและการสั่นสะเทือนได้ดี
    • การใช้ยางรองรับการสั่นสะเทือน (Vibration isolators): การติดตั้งยางรองรับการสั่นสะเทือนใต้พื้นห้องหรือรอบโครงสร้างห้องช่วยลดการส่งผ่านการสั่นสะเทือนจากภายนอกเข้ามาในห้องได้
  4. การจัดการกับแหล่งกำเนิดเสียง:
    • ประสานงานกับฝ่ายอาคารเพื่อปรับเวลาการทำงานของเครื่องจักรหรือระบบที่ก่อให้เกิดเสียงดัง
    • ติดตั้งเครื่องดูดซับเสียงหรือตู้ครอบเครื่องจักรที่ก่อให้เกิดเสียงดัง
    • ปรับปรุงระบบท่อและช่องลมให้มีการกันเสียงที่ดีขึ้น
  5. การปรับปรุงกฎระเบียบการใช้พื้นที่:
    • กำหนดนโยบายเรื่องระดับเสียงในพื้นที่ใกล้เคียงกับห้องประชุม
    • จัดตารางการใช้ห้องประชุมให้ไม่ตรงกับช่วงเวลาที่มีกิจกรรมเสียงดังในบริเวณใกล้เคียง
    • ติดป้ายเตือนให้ลดระดับเสียงในบริเวณใกล้ห้องประชุม

 

การแก้ไขปัญหาตำแหน่งที่ตั้งและสภาพแวดล้อมโดยรอบอาจต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย และบางครั้งอาจไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ ในกรณีนี้ การผสมผสานวิธีการต่างๆ เข้าด้วยกันและการปรับปรุง อะคูสติกห้องประชุม ภายในให้ดีขึ้นจะช่วยบรรเทาปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง ได้มาก

 

 

สรุป

การแก้ไขปัญหา ห้องประชุมไม่เก็บเสียง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ที่จะส่งผลดีต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงาน ภาพลักษณ์องค์กร และความพึงพอใจของพนักงาน การเข้าใจสาเหตุและแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมจะช่วยให้การปรับปรุงห้องประชุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

สำหรับออฟฟิศ สำนักงานใด ที่กำลังประสบปัญหาเสียงดังทะลุเข้าออกห้องประชุม ห้องประชุมไม่เก็บเสียง และอยากแก้ไข สามารถปรึกษาทีมงาน Acoustic Expert ได้ฟรี ผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทีมงานมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาเสียงดัง และเสียงสะท้อนห้องประชุม พร้อมให้คำแนะนำ นัดหมายสำรวจสถานที่จริง และออกแบบติดตั้งระบบผนังกันเสียง ระบบผนังดูดซับเสียงให้ได้ทุกพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 

บทความที่น่าสนใจ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า