เสียงดังเครื่องจักรเป็นปัญหาสำคัญในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงาน แต่ยังลดประสิทธิภาพการทำงานและอาจนำไปสู่ปัญหากฎหมายได้ การจัดการเสียงดังอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของเครื่องจักรแต่ละประเภทจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาตรงจุดและยั่งยืน
ทำไมการจัดการเสียงดังเครื่องจักรเจาะเฉพาะประเภทเครื่องจักรจึงสำคัญ?
เครื่องจักรแต่ละชนิดมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน แหล่งกำเนิดเสียงจึงไม่เหมือนกัน การนำวิธีการเดียวกันไปใช้กับเครื่องจักรทุกประเภทอาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การวิเคราะห์และทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของเสียงที่เกิดจากเครื่องจักรแต่ละประเภท จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้แนวทางการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนได้อย่างแท้จริง
แนวทางการจัดการเสียงดังตามประเภทเครื่องจักร
เครื่องจักรในโรงงานมีหลากหลายประเภท แบ่งแยกออกไปตามลักษณะของกิจกรรมในโรงงาน แต่ต่อจากนี้ไป คือแนวทางการจัดการเสียงดังสำหรับเครื่องจักร 3 ประเภทที่พบได้บ่อยในโรงงาน
1. เครื่องอัดลม (Air Compressors)
เครื่องอัดลมมักก่อให้เกิดเสียงดังจากการสั่นสะเทือนของลูกสูบและการไหลของอากาศภายในระบบ
- ติดตั้งแผ่นรองกันสั่นสะเทือน การวางเครื่องอัดลมบนแผ่นรองกันสั่นสะเทือนที่ทำจากวัสดุซับแรงสั่นสะเทือน เช่น ยางหรือโพลียูรีเทน จะช่วยลดการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนไปยังโครงสร้างอาคารได้ ทำให้ลดเสียงดังที่เกิดจากการสั่นสะเทือนได้มากขึ้น
- ใช้ท่อระบายอากาศที่มีระบบลดเสียง การออกแบบท่อระบายอากาศให้มีขนาดเหมาะสม และการติดตั้งอุปกรณ์ลดเสียง (Silencer) หรือท่อเก็บเสียงในระบบระบายอากาศ จะช่วยลดเสียงที่เกิดจากการไหลของอากาศได้มาก
2. เครื่องจักรตัดโลหะ (Metal Cutting Machines)
ปัญหาเสียงดังจากเครื่องจักรตัดโลหะมักเกิดจากการตัดและการเสียดสีระหว่างใบมีดกับวัสดุ
- ใช้ใบมีดที่คมและเหมาะสม ใบมีดที่คมและได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะช่วยลดแรงเสียดทานและเสียงที่เกิดจากการตัดได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การเลือกชนิดของใบมีดให้เหมาะสมกับประเภทของโลหะที่ตัดก็เป็นสิ่งสำคัญ
- ปรับความเร็วในการตัดให้เหมาะสม การปรับความเร็วรอบของใบมีดให้เหมาะสมกับวัสดุและกระบวนการตัดจะช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากการสั่นสะเทือนและการเสียดสีได้
- ติดตั้งฉากกั้นเสียงหรือทำห้องกันเสียง การสร้างฉากกั้นเสียงหรือห้องครอบเครื่องจักรตัดโลหะด้วยวัสดุดูดซับเสียง เช่น แผ่นกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblock จะช่วยกักเก็บเสียงไว้ภายในพื้นที่ทำงานและลดการแพร่กระจายของเสียงไปยังบริเวณอื่นได้ ทั้งนี้ ในการเลือกวัสดุกันเสียง จำเป็นจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการกันเสียงดังทะลุเข้าออก หรือพิจารณาจากค่า STC เป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการกันเสียงดังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ระบบลำเลียงและสายพาน (Conveyor Systems)
เสียงดังจากระบบลำเลียงและสายพานมักเกิดจากการเคลื่อนที่ของสายพาน การเสียดสีของลูกกลิ้งและตลับลูกปืน รวมถึงการสั่นสะเทือนของโครงสร้าง
- การตึงสายพานที่เหมาะสม ตรวจสอบและปรับความตึงของสายพานให้เหมาะสมอยู่เสมอ สายพานที่หย่อนเกินไปหรือตึงเกินไปอาจทำให้เกิดเสียงดังและสึกหรอเร็วขึ้น
- การหล่อลื่นลูกกลิ้งและตลับลูกปืนเป็นประจำ การหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเสียงดัง
- ใช้วัสดุกันเสียงครอบระบบ หากเป็นไปได้ การออกแบบระบบลำเลียงให้มีโครงสร้างปิดหรือใช้วัสดุกันเสียงมาครอบคลุมบางส่วนของระบบ หรือเสริมระบบผนังกันเสียงในห้องลำเลียงรอบด้าน จะช่วยลดการแพร่กระจายของเสียงได้มาก
แผ่นกันเสียง SCG รุ่น Cylence Zoundblcok
ตัวช่วยแก้ไขปัญหาเสียงดังเครื่องจักร
สรุป
การจัดการปัญหา เสียงดังเครื่องจักร ไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางแผนเชิงรุกที่อาศัยความเข้าใจในลักษณะเฉพาะของเครื่องจักรแต่ละประเภท การลงทุนในการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน การเลือกใช้อุปกรณ์วัสดุกันเสียงที่เหมาะสม และการออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการลดเสียง จะช่วยให้โรงงานเป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และปราศจากเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ ลดกรณีพิพาทการถูกฟ้องร้องจากชุมชนได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ประกอบการโรงงานท่านใด ที่กำลังประสบปัญหาเครื่องจักรเสียงดัง และอยากแก้ไขปรับปรุง สามารถขอคำปรึกษาทีมงาน Acoustic Expert ได้ฟรี ผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ทีมงานมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาเสียงดังพร้อมให้คำแนะนำ นัดหมายสำรวจพื้นที่จริง ตรวจวัดระดับเสียง และวางแผนนออกแบบระบบกันเสียงในโรงงานให้ได้ทั้งพื้นที่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ