วิถีชีวิตแบบ Work From Home นั้น แม้จะเป็นชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องแลกมาด้วย ปัญหาเสียงดัง ที่ทำลายความสุขในการอยู่อาศัย และรบกวนประสิทธิภาพในการทำงานได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่แค่ตัวเราเท่านั้นที่กลับมาอยู่บ้านมากขึ้น แต่คนอื่น ๆ สมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้านข้างห้อง ก็กลับมาใช้ชีวิตในบ้านเหมือนเราด้วย
ดังนั้น ปัญหาเสียงดัง จึงทวีความรุนแรงจนรู้สึกได้ และไม่ควรฝืนทนต่อไป โดยสำหรับวิธีการแก้ไข ปัญหาเสียงดัง ที่แนะนำนั้น สามารถเลือกใช้ได้ตามระดับงบประมาณ และคุณภาพการป้องกันเสียงที่ต้องการ ดังต่อไปนี้
1.งบหลักร้อย แต่กันเสียงได้ดีไม่ด้อยคุณภาพ
วิธีการแรกสุดแบบงบประมาณประหยัดสุด ๆ กับการแก้ไขปัญหาเสียงดัง ก็คือ การใช้เทปกันเสียง Noise Zeal ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ติดขอบประตู หน้าต่าง เพื่อลดช่องว่างที่เสียงจะเล็ดรอดดังทะลุผ่านเข้ามารบกวนได้ หรือเสียงดังจากในห้องก็ทะลุออกไปรบกวนภายนอกได้เช่นกัน
โดยเทปกันเสียง Noise Zeal จะแยกประเภทในการใช้เป็นแบบประตูหน้าต่างบานพัน และบานเลื่อนหรือบานสไลด์ เมื่อติดครบทุกประตูหน้าต่างแล้ว ทางเทคนิคจะกันเสียงได้สูงสุดถึง 5 เดซิเบล ซึ่งจากที่ดัง ๆ ก็จะเบาลงได้ในทันที งบประมาณ 1 กล่องสำหรับประตูบานพับอยู่ที่ 299 บาท ส่วนสำหรับบานเลื่อนอยู่ที่ 399 บาท 1 กล่องถ้าเป็นขนาดประตูหน้าต่างมาตรฐานก็ใช้ได้ 1 บาน นั่นหมายความว่า ในงบหลักร้อยนี้ เราก็สามารถแก้ไขปัญหาเสียงดังที่ไม่ได้ดังมากให้เบาลงได้แล้ว
2.งบหลักพันถึงหมื่น คืนความสงบให้ที่อยู่อาศัยอย่างเหนือชั้น
สำหรับบ้านหรือคอนโดไหนที่เจอปัญหาเสียงดังรบกวนหนัก ๆ ทั้งจากปาร์ตี้ข้างห้อง เสียงรถบนถนน หรือตัวเราเองซ้อมดนตรี ไลฟ์สดขายของแล้วกลัวว่าเสียงจะดังออกไปรบกวนข้างนอก เทปกันเสียงอาจไม่สามารถช่วยได้มากพอ เพราะหากต้องการให้ห้องสงบ ไม่มีเสียงหลุดรอดออกไปจะต้องใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาเสียงดังที่ประสิทธิภาพมากกว่านั่นก็คือ “แผ่นกันเสียง” หรือ วัสดุอะคูสติกที่จะใช้เสริมผนังเดิม สร้างเป็นระบบผนังกันเสียงใหม่ที่หนาขึ้น และกันเสียงได้ดีขึ้น
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์แผ่นกันเสียงก็เช่น Cylence Zoundblock ของ SCG ที่เป็นแผ่นกันเสียงทำจากฉนวนใยแก้ว มีความสามารถในการกันเสียงสูง และเป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยแนวทางในการติดตั้งระบบผนังกันเสียงนั้น จะต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ เริ่มต้นตารางเมตรละ 2,300 บาท คิดตามพื้นที่จริงที่ต้องติด ดังนั้น ถ้าขนาดผนังมีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางเมตร งบประมาณก็จะอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า 23,000 บาท รวมวัสดุและติดตั้งหมดแล้ว ซึ่งถามว่าคุ้มไหม บอกได้เลยว่า ติดครั้งเดียว คืนความสงบสุข เสียงในไม่ออก เสียงนอกไม่เข้า ใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปี
3.งบหลักแสน ได้ห้องเก็บเสียงส่วนตัวไปใช้งาน
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาเสียงดังในงบประมาณหลักแสน งบประมาณสุดท้ายที่แนะนำนี้ เหมาะสำหรับบ้านขนาดใหญ่ หรือคอนโดที่มีพื้นที่ใช้สอยมาก ๆ แต่ไม่ต้องการรีโนเวท เจาะต่อเติม กั้นห้อง ทำอะไรให้วุ่นวาย แต่อยากได้ห้องเก็บเสียงที่เอาไว้ใช้ทำงานแบบเป็นส่วนตัว โดยผลิตภัณฑ์สำหรับการแก้ไขปัญหาเสียงชิ้นนี้เรียกว่า Acoustic Pod หรือ ห้องเก็บเสียงส่วนตัว ซึ่งจะเป็นออฟฟิศบูธขนาดเล็กสำหรับ 1 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมือนยกออฟฟิศหรู ๆ มาตั้งในห้องตัวเองเลยก็ว่าได้
ซึ่งคุณสมบัติหลักสำคัญของ Acoustic Pod ก็คือ สามารถกันเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังกันเสียงก้องเสียงสะท้อนได้อีกด้วย หมายความว่า สำหรับใครที่ต้องประชุมงานบ่อย ๆ ไลฟ์ขายของ ทำวีดีโอ ยูทูป เป็นสตรีมเมอร์ ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะไม่เพียงกันเสียงดัง แต่ยังทำให้คุณภาพเสียงจากกิจกรรมดีขึ้น ยกระดับผลงานให้มีคุณภาพได้มากขึ้นด้วย สามารถยกมาประกอบติดตั้งกับพื้นที่ที่ต้องการได้เลย หรือจะสั่งประกอบเฉพาะแบบตามความต้องการก็ได้ด้วยเช่นกัน
ปัญหาเสียงดัง ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะจะสะสมความหงุดหงิดทำให้สุขภาพกายและใจเรา รวมถึงทุกคนในบ้านย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ถูกผลักดันให้มาทำงาน มาใช้ชีวิตในบ้าน ในคอนโดมากขึ้น ปัญหาเสียงดังก็ยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงหนักขึ้นในแบบที่ไม่ควรฝืนทนปล่อยผ่าน
ซึ่งในการแก้ไขปัญหานั้นก็มีหลากหลายวิธี หลากหลายงบประมาณให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม สำหรับเสียงดังน้อย ๆ เทปกันเสียงก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นเสียงดังหนักขึ้น ระบบผนังกันเสียงคือตัวช่วยที่ตอบโจทย์ที่สุด ส่วนใครที่ต้องการยกระดับการ Work From Home ให้เหมือนกับทำงานอยู่ในออฟฟิศล่ะก็ Acoustic Pod ถือเป็นตัวเลือกที่ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดแทนได้
แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การตัดสินใจแก้ปัญหาเสียงของทุกคนราบรื่นมากขึ้น การได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก่อน ถือเป็นเรื่องที่ช่วยประหยัดงบประมาณและให้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้มากที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นปัญหาเสียงดังในบ้าน คอนโด โรงงาน เครื่องจักร หรือออฟฟิศ ก็สามารถติดต่อสอบถาม ขอคำแนะนำได้ฟรี ผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
