“เสียงดัง” จริงๆ แล้วถือเป็นปัญหาใหญ่ในชีวิต แต่หลายๆ คนก็อาจจะไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหา อาจด้วยเพราะ “เสียงดัง” เหล่านั้นไม่ได้ดังตลอดเวลา หรือไม่ได้ดังจนทำให้เรารู้สึกว่า “ทนไม่ไหว” ก็เลยปล่อยปัญหาเสียงดังเอาไว้ ไม่ได้จัดการแก้ไข จนสุดท้ายแล้วในระยะยาว ปัญหาเสียงดังเหล่านั้นก็สะสมจนทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตได้ในหลายๆ ด้าน ทั้งนี้ หากจะพูดถึงผลกระทบและอันตรายของเสียงดังแล้ว สามารถแบ่งออกได้หลายๆ ด้านดังต่อไปนี้
1. ภัยปัญหาเสียงด้านการได้ยิน
ปัญหาเสียงดังนั้น จะส่งผลต่อ “การได้ยิน” ของคนเราโดยตรง ซึ่งขั้นร้ายแรงที่สุดก็คือ อาจทำให้หูหนวกได้ในทันที แต่ผลกระทบอันตรายในระดับนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเข้าไปอยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังเกินกว่า 120 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งถ้าไม่ใช่บ้านที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม หรือมีอาชีพทำงานในโรงงานท่ามกลางเครื่องจักรแล้ว ก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว หากเป็นพื้นที่ที่มีเสียงดังตั้งแต่ 80 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นระดับเสียงที่เป็นอันตราย ก็จะทำให้เกิดอาการหูอื้อถาวร หรือหูอื้อชั่วคราวได้
2. ภัยปัญหาเสียงด้านสุขภาพ
ในระดับเสียงที่ต่ำลงมาจาก 80 เดซิเบลนั้น ถือเป็นระดับของเสียงที่สร้างปัญหาให้กับคนเราได้เช่นกัน และถือว่าพบได้บ่อยมากกว่าด้วย เพราะเสียงดังเหล่านี้อยู่รอบตัวเรา อาทิ เสียงรถบนถนน เสียงจากแหล่งชุมชน ย่านการค้าต่างๆ เสียงจากไซต์งานก่อสร้าง หรือจากอู่ซ่อมรถ เป็นต้น ซึ่งหากที่อยู่อาศัย สำนักงานออฟฟิศของเราอยู่ใกล้กับบริเวณแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นปัญหาเหล่านี้ โดยที่เราได้รับเสียงดังเหล่านี้เป็นประจำ ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ระบบการหมุนเวียนของเลือด ต่อมไร้ท่อ ตลอดจนระบบลำไส้และการสืบพันธุ์ได้ ซึ่งในระยะยาวนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาเป็นขบวน
3. ภัยปัญหาเสียงด้านจิตใจ
การอยู่ท่ามกลางเสียงดังแม้จะไม่ได้ตลอดเวลา เพียงแต่เป็นชั่วขณะหนึ่ง ก็สร้างความรำคาญให้กับเราได้อย่างมาก ทำให้ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด เครียด ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ ทำให้จิตใจหดหู่ อารมณ์หม่นหมองไม่สดใส และไม่มีความสุข
4. ภัยปัญหาเสียงด้านการทำงานและสังคม
เมื่อจิตใจหงุดหงิดจากปัญหาเสียงแล้ว ย่อมทำให้เราไม่สามารถตัดสินใจ หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เกิดความล่าช้า และในแง่ของการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน ก็อาจก่อให้เกิดความไม่ลงรอย การทะเลาะเบาะแว้ง ทำลายมนุษยสัมพันธ์อันดีที่ควรมีลงได้ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมในการทำงานและการใช้ชีวิตในทุกๆ มิติ
จะแก้ไขปัญหาเสียงดังได้อย่างไร เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการแก้ไขปัญหาเสียงที่ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้น คือ “การแก้ไขที่แหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นปัญหา” เช่น หากปัญหาเสียงดังเกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม เกิดจากเครื่องจักร ก็ต้องเข้าไปควบคุมเสียง หาสาเหตุดูว่าเกิดจากอะไร ถ้าเป็นเพราะเครื่องจักรชำรุด ต้องการการซ่อมบำรุงก็ต้องแก้ไข แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องสร้างวัสดุกั้นเสียง เพื่อควบคุมไม่ให้เสียงดังจากเครื่องจักรดังออกมารบกวนภายนอก หรือหากเป็นปัญหาเสียงจากแหล่งชุมชน จากการจราจรบนท้องถนน ก็ต้องเข้าไปควบคุมให้เสียงเบาลง แต่ในทางปฏิบัตินั้น เราไม่สามารถเข้าไปจัดการแก้ไขแหล่งกำเนิดเสียงได้อย่างมีอิสระ ดังนั้น จึงต้องหันกลับมาแก้ไขในจุดที่เราแก้ได้ ซึ่งนอกจากการย้ายบ้านหนีแหล่งกำเนิดเสียงที่เป็นมลพิษแล้ว ก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้งบประมาณน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพ ดังต่อไปนี้
1. ติดเทปกันเสียงที่ประตู-หน้าต่าง ที่อยู่อาศัย
Noise Zeal หรือ เทปกันเสียง ถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่ใช้แก้ไขปัญหาเสียงดังได้อย่างมีประสิทธิภาพดีระดับหนึ่ง ซึ่งมีข้อดีคือ ราคาประหยัดเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น แถมยังใช้งานง่าย เหมือนกับการติดเทปกาวทั่วไป แต่เป็นเทปที่ทำมาจากวัสดุที่เป็นยางซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์สำหรับติดบริเวณกระจกรถเพื่อกันเสียงจากภายนอกเข้าสู่ภายในรถ ดังนั้น เมื่อนำ Noise Zeal มาใช้กับประตู-หน้าต่างของที่อยู่อาศัย จึงช่วยป้องกันไม่ให้เสียงดังภายนอกทะลุผ่านเข้ามาภายในบ้าน ในห้องของเราได้เช่นกัน
ซึ่งหากติดตั้งครบทุกประตู-หน้าต่าง จะช่วยลดระดับความดังของเสียงลงได้มากถึงกว่า 5 เดซิเบล ซึ่งเราจะรู้สึกได้ทันทีว่าห้องเงียบขึ้นหลังจากติดตั้ง ทั้งนี้ นอกจากกันเสียงดังได้แล้ว ก็ยังช่วยกันฝุ่น กันกลิ่น และแมลงตัวเล็กๆ ได้อีกด้วย เพราะตัวเทปจะเข้าไปทำให้ช่องว่างบริเวณประตู-หน้าต่างเล็กลง ประตู หน้าต่างปิดสนิทแน่นมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งด้วยเพราะ เทปกันเสียงสามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ต้องจ้างช่าง เด็กๆ ผู้ใหญ่ คุณผู้หญิง ทุกคนสามารถติดเองได้ จึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ตามคอนโดที่มีปัญหาเสียงดังจากชุมชน หรือเพื่อนห้องข้างๆ
2. ติดตั้งวัสดุอะคูสติกผนังกันเสียง
แน่นอนว่าตัวเทปกันเสียง Noise Zeal แม้จะแก้ไขปัญหาเสียงได้ แต่ก็ทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว “เสียงดัง” สามารถทะลุผ่านเข้ามายังที่อยู่อาศัยของเราได้ทางอื่นๆ อีกนอกจากช่องประตู-หน้าต่าง ซึ่งพื้นที่ทะลุผ่านที่ใหญ่ที่สุดก็คือ “ผนังห้อง” หรือ “ผนังบ้าน” ซึ่งยิ่งโครงสร้างผนังที่อยู่อาศัยของเราบาง หรือไม่ได้มาตรฐาน หรือ ลักษณะห้องคอนโดที่ผนังห้องติดกัน ก็ยิ่งมีโอกาสมากที่เสียงจากภายนอก จากห้องอื่นๆ จะทะลุเข้ามารบกวนในพื้นที่ส่วนตัวของเราได้ ดังนั้น แนวทางในการแก้ไขปัญหาเสียงขั้นที่มากกว่าการติดตั้ง Noise Zeal จึงต้องใช้วัสดุอะคูสติก ผนังกันเสียง
อาทิ ผนังกันเสียงของ SCG รุ่น Cylence Zoundblock ซึ่งเป็นฉนวนแบบแผ่นแข็งสีเทา หุ้มรอบด้านด้วยวัสดุกันความชื้นใส่สารไม่อุ้มน้ำ มีค่ากันเสียงสูง ทำให้เสียงจากภายนอกทะลุผ่านเข้ามาภายในได้ยากขึ้น และยังช่วยให้เสียงจากห้องเรา ไม่ดังทะลุออกไปภายนอกด้วย โดยผนังกันเสียง รุ่น Cylence Zoundblock นั้น จะใช้สำหรับการกันเสียงระหว่างผนัง หรือในส่วนต่อเติมต่างๆ ใช้ร่วมกับระบบผนังสมาร์ทบอร์ด และระบบผนังอื่นๆ ได้หลากหลาย จึงทำให้ไม่ว่าบ้านเราจะมีรูปแบบโครงสร้างสไตล์ผนังแบบไหน ก็สามารถติดตั้งผนังกันเสียงเพื่อแก้ไขปัญหาเสียงดังได้ แต่จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำและการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงโดยเฉพาะ เพื่อให้การแก้ไขมีประสิทธิภาพมากที่สุด และไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง ไม่ต้องเสียเวลาและงบประมาณบานปลายภายหลัง
คุณภาพชีวิตของเราจะไม่มีความสุขเลย หากต้องอยู่ท่ามกลางเสียงดังรบกวนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกาย สุขภาพใจ และการทำงาน การทำกิจกรรมต่างๆ ในทุกจังหวะชีวิตของเรา จะถูกลดทอนความสุข และบั่นทอดประสิทธิภาพลงไปเพียงแค่เพราะเราปล่อยให้ปัญหาเสียงดังคาราคาซังอยู่ ดังนั้น การหันกลับมาใส่ใจ แก้ไข ดูแลควบคุมปัญหาเสียงดังให้เบาลง ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกับบ้าน คอนโดที่เราอยู่อาศัย หรือกับออฟฟิศ สำนักงาน สถานประกอบการของเรา จึงเป็นหน้าที่และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อยกระดับคุณภาพในการใช้ชีวิตของเราและทุกคนในพื้นที่ให้ดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น